ยุทธศาสตร์ ปี 2566-2570

ตามพระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา 16 ระบุให้ส่วนราชการจัดทำแผนปฏิบัติราชการ และแผนปฏิบัติราชการประจำปี ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บท แผนการปฏิรูปประเทศ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา นโยบายของกระทรวงและแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง เขตสุขภาพที่ 10 ได้จัดทำแผนปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 นี้ เพื่อเป็นกรอบแนวทางในการขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติงานของหน่วยงานและคณะกรรมการขับเคลื่อนงานตามภารกิจ ในเขตสุขภาพที่ 10  ให้บรรลุเป้าหมาย “ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน”
กรอบแนวคิดการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ เขตสุขภาพที่ 10 2566 – 2570
1. เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs)
2.แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13
3.แผนปฏิบัติราชการ ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) ของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
4.ประเด็นการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และปัญหาสุขภาพระดับพื้นที่ Area Base

การจัดทำแผนปฏิบัติราชการ เขตสุขภาพที่ 10 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 – 2570 ได้วางกรอบแนวคิดให้มีความเชื่อมโยงกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี  นโยบายของรัฐบาล นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข การปฏิรูปด้านสาธารณสุข มุ่งเน้นการพัฒนาความเป็นเลิศใน 4 ด้าน คือ ๑.การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเป็นเลิศ ๒.ระบบบริการเป็นเลิศ  ๓.บุคลากรเป็นเลิศ และ ๔.ระบบบริหารเป็นเลิศ ด้วยธรรมาภิบาล เพื่อถ่ายทอดและสร้างความเข้าใจร่วมกันในการดำเนินงานด้านสาธารณสุขให้แก่ ทุกหน่วยงาน ในเขตสุขภาพที่ 10 ซึ่งมีส่วนสำคัญในการประสานการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ และเป็นเครื่องมือที่จะช่วยแปลงแผนไปสู่การปฏิบัติ รวมทั้งใช้เป็นกรอบในการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานต่อไป ทั้งนี้ เพื่อก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ที่บรรลุเป้าหมายตามโครงการ และเป้าหมาย ของเขตสุขภาพที่ 10 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พันธกิจ
 1. ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และคุ้มครองผู้บริโภค
 2. พัฒนาระบบบริการ
 3. พัฒนาระบบกำลังคนด้านสุขภาพ
 4. พัฒนาระบบบริหารจัดการด้วยระบบธรรมาภิบาล
 5. ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และพัฒนาภาคีเครือข่าย
เป้าประสงค์หลัก
1.ประชาชนสุขภาพดี (= อัตราการเสียชีวิตและอัตราการเกิดโรค ลดลง ตัวชี้วัดด้านสุขภาพที่สำคัญบรรลุเป้าหมาย)
 2.เจ้าหน้าที่มีความสุข (= บุคลากรได้รับการ สรรหา การพัฒนาความก้าวหน้าในวิชาชีพ มีสมรรถนะและมีความสุขในการทำงาน)
 3.ระบบสุขภาพยั่งยืน (= มีระบบสุขภาพเป็นหนึ่งเดียว องค์รวม ไร้รอยต่อ สร้างความเป็นธรรม และความมั่นคงทางสุขภาพ)
ค่านิยมองค์กร
 M : Mastery = เป็นนายตนเอง       
 O : Originality = เร่งสร้างสิ่งใหม่
 P : People centered approach = ใส่ใจประชาชน
 H : Humility = ถ่อมตน  อ่อนน้อม
Plus P++: Performance Excellence = มุ่งงานเลิศ
วัฒนธรรมองค์กร
องค์กรแห่งการเรียนรู้ บริการด้วยหัวใจ  ยึดธรรมาภิบาลและคุณธรรม
การกำหนดตัวชี้วัด
(Key Performance Identification) ในแต่ละประเด็นยุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ว่ามีการปฏิบัติงานที่บรรลุวัตถุประสงค์ (Objective)  จากสภาพปัญหา นโยบาย และปัญหาในพื้นที่เป็นหลัก เช่น
1. Agenda Base 
2. Function Base
3. Area Base สำหรับการรวบรวมข้อมูลตัวชี้วัดให้ทุกจังหวัดเป็นผู้กำกับติดตามและพื้นที่บันทึกข้อมูลผลการดำเนินงานผ่านระบบ Cockpits เขตสุขภาพที่ 10

การปฏิรูปเขตสุขภาพ ระยะ 5 ปี เขตสุขภาพที่ 10 ปี 2566-2570 เขตสุขภาพที่ 10

กระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข รวมทั้งองค์กรด้านสุขภาพที่เกี่ยวข้อง ได้เล็งเห็นความสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมการปฏิรูป (Big Rock) ในพื้นที่เขตสุขภาพ เพื่อเป็นการปฏิรูปการบริหารจัดการให้เขตสุขภาพมีการบริหารจัดการที่เป็นเอกภาพ คล่องตัว และสามารถปรับระบบบริการให้ประชาชนได้รับบริการด้านสุขภาพท่ีมีคุณภาพ และประสิทธิภาพ มุ่งเน้นให้ความสำคัญในการกระจายอำนาจให้กับเขตสุขภาพ เพื่อเป็นการลดอำนาจรัฐ และเพิ่มอำนาจประชาชน

แนวทางการปฏิรูปเขตสุขภาพ (Sandbox) การบริหารจัดการ 5 ด้าน ประกอบด้วย

1 ภาวะผู้นำและการอภิบาลระบบ
2 กำลังคนด้านสุขภาพ
3 การเงินการคลัง
4 ข้อมูลสารสนเทศ
5 เทคโนโลยีสุขภาพ

แผนงานขับเคลื่อน ยกระดับการสาธารณสุข สุขภาพแข็งแรงทุกวัย เศรษฐกิจไทยมั่นคง เขตสุขภาพที่ 10 กระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ 2568

แผนงาน/โครงการกระทรวงสาธารณสุข ปี พ.ศ. 2568

นโยบายกระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

แผนงาน/โครงการ และตัวชี้วัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของกระทรวงสาธารณสุข

Ebook แผนงาน/โครงการ และตัวชี้วัด ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ของกระทรวงสาธารณสุข 

รายละเอียดตัวชี้วัดกระทรวงสาธารณสุข ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

Customer & Stakeholdersความคาดหวังการตอบสนองขององค์กร
1.ประชาชนกลุ่มสุขภาพดี1.การเข้าถึงบริการด้านการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และคุ้มครองผู้บริโภคที่มีคุณภาพ
2.ความรอบรู้ด้านสุขภาพ
3.การจัดการสุขภาพโดยชุมชน
1. การจัดระบบบริการให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ทั้งเชิงรุก และเชิงรับ
2. การจัดให้มีระบบข้อมูล ข่าวสาร ที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน ที่สามารถเข้าถึงชุดข้อมูลได้หลายระดับ หลายสื่อ หลายช่องทาง
3. การจัดให้มีระบบและช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนและข้อเสนอแนะ
4. การจัดให้มีระบบให้คำปรึกษาด้านสุขภาพโดยผู้เชี่ยวชาญที่สะดวกในการเข้าถึงทั้งในระบบ Onsite และ Online
5.การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการระบบสุขภาพโดยชุมชน
6.การบูรณาการ (integration) และเชื่อมประสานการดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่ายภายในและภายนอกองค์กร
7.การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ
2.ประชาชนกลุ่มเสี่ยง1.การเข้าถึงบริการด้านการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค และคุ้มครองผู้บริโภคที่มีคุณภาพ
2.ความรอบรู้ด้านสุขภาพ
3.การจัดการสุขภาพโดยชุมชน
1. การจัดระบบบริการให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ทั้งเชิงรุก และเชิงรับ
2. การตรวจคัดกรองประชาชนกลุ่มเสี่ยง
3. การจัดให้มีระบบข้อมูล ข่าวสาร ที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน ที่สามารถเข้าถึงชุดข้อมูลได้หลายระดับ หลายสื่อ หลายช่องทาง
4. การจัดให้มีระบบและช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนและข้อเสนอแนะ
5. การจัดให้มีระบบให้คำปรึกษาด้านสุขภาพโดยผู้เชี่ยวชาญที่สะดวกในการเข้าถึงทั้งในระบบ Onsite และ Online
6.การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการระบบสุขภาพโดยชุมชน
7.การบูรณาการ (integration) และเชื่อมประสานการดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่ายภายในและภายนอกองค์กร
3.ประชาชนกลุ่มป่วย1.ความสามารถในการเข้าถึงบริการด้านรักษาพยาบาลให้หายจากโรคและฟื้นฟูสุขภาพที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง (เข้าถึงง่าย สะดวก รวดเร็ว ค่าใช้จ่ายถูก ได้มาตรฐานมีคุณภาพ)
2.ระบบการรับส่งต่อที่มีคุณภาพ
3.มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในแผนการรักษา
1. การจัดระบบบริการให้มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน
2. การใช้เทคโนโลยีเพื่อการปรับปรุงและพัฒนาระบบบริการ
3. การพัฒนาระบบส่งต่อที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
4.การจัดระบบบริการสุขภาพแบบไร้รอยต่อ (Seamless) ระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ
5. การจัดระบบการดูแลผู้ป่วย Intermediate และPalliative care
4.ญาติผู้ป่วย/ญาติผู้มารับบริการ1.การบริการที่ สะดวก รวดเร็ว เท่าเทียม ดูแลดุจญาติมิตร
2.มีส่วนร่วมในการตัดสินใจในแผนการรักษา
3.ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ทันเวลา ต่อการเปลี่ยนแปลง
4.ระบบการรักษาที่มีคุณภาพ (อุปกรณ์ทันสมัย)
5.สถานที่ สะอาด สบาย ปลอดภัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน (อินเตอร์เน็ต,สายชาร์ตแบตเตอรี่,ที่จอดรถ ฯลฯ)
6.มีช่องทางพิเศษ
7.มีระบบการประเมินความพึงพอใจของผู้มารับบริการ
1. จัดให้มีระบบข้อมูล ข่าวสาร ที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน ที่สามารถเข้าถึงชุดข้อมูลได้หลายระดับ หลายสื่อ หลายช่องทาง
2. มีระบบและช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียนและข้อเสนอแนะ
3. การปรับปรุงสภาพแวดล้อม ภูมิสถาปัตย์
4. จัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม เพียงพอ
5. การจัดให้มีระบบให้คำปรึกษาด้านสุขภาพโดยผู้เชี่ยวชาญที่สะดวกในการเข้าถึงทั้งในระบบ Onsite และ Online
5.กลุ่มเปราะบาง/ผู้พิการ/ผู้สูงอายุ/ผู้ด้อยโอกาส/ผู้ต้องขัง/ยาเสพติด/ผู้ป่วยจิตเวช1.การเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพ เท่าเทียม
2.ได้รับการคุ้มครองตามสิทธิ
3.อาชีพ รายได้ สวัสดิการ การยอมรับในสังคม
4.คลินิก/หรือหน่วยบริการเฉพาะกลุ่ม
5.มีผู้ดูแลเป็นการเฉพาะที่มีศักยภาพ
6.มีช่องทางพิเศษ
1.จัดระบบความเป็นธรรมในการเข้าถึงระบบบริการสาธารณสุข
2.บูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข ภาครัฐ อปท.และเอกชน เพื่อการดูแลกลุ่มเป้าหมาย
3.การส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการระบบสุขภาพโดยชุมชน
4.พัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล  อสม. ผู้ดูแล
5.สร้างแรงจูงใจให้ญาตินำกลุ่มเป้าหมายมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อวินิจฉัย ให้การรักษา
6.พัฒนาช่องทางพิเศษเพื่อการเข้าถึงบริการสำหรับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ
6.ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการให้บริการ1.ได้รับการดูแล เยียวยา ช่วยเหลือ อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม
2.ได้รับคำแนะนำในการดำเนินการตามขั้นตอนอย่างกระจ่าง ชัดเจน
3.จัดให้มีนักกฎหมายให้คำปรึกษา แนะนำ
1.จัดให้มีทีมไกล่เกลี่ยระดับจังหวัด/อำเภอ  และระบบการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์
2.การจัดให้มีระบบให้คำปรึกษาด้านสุขภาพโดยผู้เชี่ยวชาญที่สะดวกในการเข้าถึงทั้งในระบบ Onsite และ Online
3.เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการเยียวยาและช่วยเหลือ  ที่รวดเร็วและทันเวลา
7.ผู้ประกอบการ/ผู้รับเหมา/ร้านอาหาร/ตลาดสด1.ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง ทันเวลา
2.ระบบบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน (One stop service)
3.ได้รับคำแนะนำ ช่วยเหลือ
4. โปร่งใส เป็นธรรม ไม่เรียกรับผลประโยชน์
5.มีระเบียบปฏิบัติและแนวทางชัดเจน
6.มีระบบการประเมินความพึงพอใจของผู้มารับบริการ
1.พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีสุขภาพ
2.พัฒนา Smart Hospital
3.จัดการระบบการให้คำปรึกษา
4.การประเมินคุณธรรมความโปร่งใส
5.จัดทำและเผยแพร่ระเบียบวิธีปฏิบัติและแนวทางให้ชัดเจน
8.หน่วยบริการนอกสังกัด สธ.
(เรือนจำ รพ.สังกัดมหาดไทย /กลาโหม /มหาวิทยาลัย)
1.เชื่อมโยงข้อมูลการให้บริการประชาชนด้วยเทคโนโลยี
2.ระบบส่งต่อที่ดี มีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอนในการประสานงาน
3.ความร่วมมือด้านวิชาการ/นวัตกรรม/งานวิจัย
4.ความร่วมมือด้านการบริหารทรัพยากร คน เงิน ของ เครื่องมือทางการแพทย์
พัฒนาความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับหน่วยบริการของกระทรวงอื่นๆ
   – ด้านบริการ
   – ด้านวิชาการ
   – ด้านการบริหารจัดการ
9.สถานพยาบาล/ร้านยา/คลินิก(เอกชน)1.ระบบข้อมูลและการเข้าถึงข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง ทันเวลา
2.ระบบบริการที่สะดวก รวดเร็ว ลดขั้นตอน (One stop service)
3.ได้รับคำแนะนำ ช่วยเหลือ
1.พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีสุขภาพ
2.พัฒนา Smart Hospital
3.จัดการระบบการให้คำปรึกษา
10.หน่วยบริการในสังกัด สธ.1.ได้รับการสนับสนุนทรัพยากร (คน เงิน ของ) และเทคโนโลยี วิชาการ ที่เพียงพอ ทันเวลา
2.ลดการประชุม สัมมนา เพื่อให้มีเวลาให้บริการให้มากขึ้น
3.ลดระบบรายงาน
4.เพิ่มกรอบอัตรากำลัง
5.ได้รับการพัฒนาศักยภาพให้เหมาะสม
1.การจัดสรรเงินให้เพียงพอ  ทั่วถึง เป็นธรรมและสามารถตรวจสอบได้
2.การจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสาร  ฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน
3.การจัดให้มีระบบการตรวจสอบ  ควบคุมกำกับ และวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านการเงินการคลัง (Warning sign)
4.จัดให้มีระบบการควบคุม กำกับ ติดตาม ประเมินผล และรายงานผู้บริหารทุกเดือน สม่ำเสมอ
5.จัดให้มีระบบการควบคุมกำกับมาตรฐานการให้บริการ
6.จัดให้มีทีมไกล่เกลี่ยระดับจังหวัด/อำเภอ  และระบบการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์
7.พัฒนาระบบบริหารจัดการอย่างมีส่วนร่วม
– แผนพัฒนากำลังคน/แผนความต้องการกำลังคน
– แผนพัฒนาระบบการจัดสรรงบประมาณ
8.การพัฒนากำลังคนโดยการประยุกต์ใช้นำเทคโนโลยี
11.หน่วยบริการในสังกัด อปท.1.ได้รับการสนับสนุนทรัพยากร (คน เงิน ของ) และเทคโนโลยี วิชาการ ที่เพียงพอ ทันเวลา
2. ความร่วมมือในการปฏิบัติงาน
3.ความชัดเจนของการจัดระบบบริการกรณีการถ่ายโอน
1.การจัดสรรเงินให้เพียงพอ  ทั่วถึง เป็นธรรมและสามารถตรวจสอบได้
2.การจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสาร  ฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน
3.การจัดให้มีระบบการตรวจสอบ  ควบคุมกำกับ และวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านการเงินการคลัง (Warning sign)
4.จัดให้มีระบบการควบคุม กำกับ ติดตาม ประเมินผล และรายงานผู้บริหารทุกเดือน สม่ำเสมอ
5.จัดให้มีระบบการควบคุมกำกับมาตรฐานการให้บริการ
6.จัดให้มีทีมไกล่เกลี่ยระดับจังหวัด/อำเภอ  และระบบการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์
7.พัฒนาความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับ อปท.
– ด้านบริการ
– ด้านวิชาการ
– ด้านการบริหารจัดการ
12.หน่วยบริหารด้านสุขภาพ1.ได้รับการสนับสนุนทรัพยากร (คน เงิน ของ) และเทคโนโลยี วิชาการ ที่เพียงพอ ทันเวลา
2. ชุดข้อมูลเพื่อใช้ในการควบคุม กำกับ ติดตาม และประเมินผล
3. ระบบการประสานงาน
4. ระบบผู้เชี่ยวชาญ
5. Resource sharing
1.การจัดสรรเงินให้เพียงพอ  ทั่วถึง เป็นธรรมและสามารถตรวจสอบได้
2.การจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสาร  ฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน
3.การจัดให้มีระบบการตรวจสอบ  ควบคุมกำกับ และวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านการเงินการคลัง (Warning sign)
4.จัดให้มีระบบการควบคุม กำกับ ติดตาม ประเมินผล และรายงานผู้บริหารทุกเดือน สม่ำเสมอ
5.จัดให้มีระบบการควบคุมกำกับมาตรฐานการให้บริการ
6.จัดให้มีทีมไกล่เกลี่ยระดับจังหวัด/อำเภอ  และระบบการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์
13.ส่วนราชการระดับจังหวัด1.ระบบข้อมูลข่าวสาร
2. การประสานงาน
3. การทำงานแบบบูรณาการและมีส่วนร่วม MOU
4. การจัดการเรื่องร้องเรียน
1.พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีสุขภาพ
2.การจัดการระบบการประสานงาน
3.ส่งเสริมการบริหารจัดการเครือข่ายแบบบูรณาการและการมีส่วนร่วม (Collaboration)
4.การประเมินคุณธรรมความโปร่งใส
14.สปสช.1. ผลการดำเนินงานตาม MOU
2. การจัดการงบประมาณที่ถูกต้องเป็นธรรมตรวจสอบได้
3. ส่งรายงานตามระบบได้ครบถ้วน ถูกต้อง ทันเวลา
4. การจัดการเรื่องร้องเรียน
5. คุณภาพการบริการและการจัดการระบบที่ถูกต้อง เป็นธรรม
1.การจัดสรรเงินให้เพียงพอ  ทั่วถึง เป็นธรรมและสามารถตรวจสอบได้
2.การจัดให้มีระบบข้อมูลข่าวสาร  ฐานข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบัน
3.การจัดให้มีระบบการตรวจสอบ  ควบคุมกำกับ และวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านการเงินการคลัง (Warning sign)
4.จัดให้มีระบบการควบคุม กำกับ ติดตาม ประเมินผล และรายงานผู้บริหารทุกเดือน สม่ำเสมอ
5.จัดให้มีระบบการควบคุมกำกับมาตรฐานการให้บริการ
6.จัดให้มีทีมไกล่เกลี่ยระดับจังหวัด/อำเภอ  และระบบการรับเรื่องร้องเรียนจากผู้ได้รับความเสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์
15.สถาบันการศึกษา/โรงเรียน/ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก1. ได้รับข้อมูลข่าวสาร/คำปรึกษา
2. ได้รับบริการสุขภาพตามมาตรฐาน
3. ได้รับความร่วมมือในการปฏิบัติงาน
4. ได้รับการพัฒนาศักยภาพบุคลากร
5. ความร่วมมือในการผลิตบุคลากรทางการแพทย์
6.การพัฒนา IQ EQ เด็ก ให้เหมาะสมทุกช่วงวัย
1.บูรณาการการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
2.การจัดระบบข้อมูลที่เชื่อมต่อระหว่างข้อมูลการศึกษาและสาธารณสุขเพื่อการใช้ประโยชน์ร่วมกัน
3.การจัดระบบการประสานงานและการสื่อสารเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ทุกช่องทาง
4,การพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียน/ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก อย่างต่อเนื่อง ระบบ Onsite และ Online
5.การจัดระบบบริการตามมาตรฐานในสถาบันการศึกษา/โรงเรียน/ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน
6.การจัดระบบติดตาม เสริมพลังบวก การจัดบริการตามมาตรฐานในสถาบันการศึกษา/โรงเรียน/ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
16.ส่วนท้องถิ่น(อปท./อบต./อบจ./เทศบาล/)1. ได้รับข้อมูลข่าวสาร/คำปรึกษา
2. ร่วมจัดระบบบริการสุขภาพตามมาตรฐาน
3. ได้รับความร่วมมือในการปฏิบัติงาน
4. ได้รับการพัฒนาศักยภาพบุคลากร
5. รับถ่ายโอน รพ.สต. ให้ อปท.
1.พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีสุขภาพ
2.จัดการระบบประสานงาน
3.พัฒนาระบบบริการสุขภาพ
4.บริหารจัดการทรัพยากรด้านสุขภาพ
5.พัฒนาเครือข่ายกำลังคนด้านสุขภาพ และ อสม.
6.สนับสนุนข้อมูลด้านกำลังคน ครุภัณฑ์ สิ่งก่อสร้าง การเงินการคลัง และแผนสุขภาพ ของ รพ.สต.
7.ส่งเสริมการบริหารจัดการเครือข่ายแบบบูรณาการและการมีส่วนร่วม (Collaboration)
17.NGOs1. ความร่วมมือ และอำนวยความสะดวก
2. ได้รับข้อมูลข่าวสาร/คำปรึกษา
3. การประสานงาน
1.บูรณาการการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
2.การจัดระบบการสื่อสารเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทุกช่องทาง
18.ฝ่ายปกครอง/ความมั่นคง/กำนันผู้ใหญ่บ้าน1. ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ใช้ประโยชน์ได้
2. การสนับสนุนทรัพยากร
3. การประสานงานบุคลากรสาธารณสุขมีความคล่องตัว
4. การพัฒนาศักยภาพ
1.พัฒนาความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กับฝ่ายปกครอง/ความมั่นคง/กำนันผู้ใหญ่บ้าน
– ความร่วมมือด้านข้อมูลข่าวสาร โดยใช้เทคโนโลยี
– พัฒนาการทำงานร่วมกันในระดับพื้นที่ทุกระดับ
19.อสม.1. ได้รับค่าตอบแทน/ สวัสดิการที่ดี
2. ได้รับการพัฒนาศักยภาพทุกสาขาขั้นพื้นฐาน
3. การมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบสุขภาพ
4. ต้องการเชิดชูเกียรติ
1.พัฒนาระบบการสร้างขวัญ กำลังใจ แก่ อสม.เสริมสร้างแรงจูงใจในการจัดการสุขภาพชุมชนของ อสม.
2.เสริมสร้างศักยภาพ อสม.  ในการดูแลสุขภาพตนเอง ครอบครัว และชุมชน ให้ได้ตามมาตรฐาน
3.พัฒนาบทบาท อสม.ในการบูรณาการการทำงานร่วมกับองค์กรต่างๆ
20.บุคลากรสาธารณสุขในสังกัด1. ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
2. สวัสดิการ / ขวัญกำลังใจ
3. ค่าตอบแทน
4. มีความสุขในการทำงาน
5. ได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง
6. ลดระบบรายงาน
7. ความสามัคคีในองค์กร
8. สิทธิพิเศษ
9. ลดขั้นตอนและเอกสารในการประเมินเลื่อนระดับ
10. ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างวิชาชีพ
1.บริหารจัดการทรัพยากรด้านสุขภาพ
2.พัฒนาองค์กรสร้างสุข
3.พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีสุขภาพ
4.พัฒนาระบบ Smart Office
5.จัดการระบบความก้าวหน้าและค่าตอบแทนใหม่
6. ส่งเสริม สนับสนุนความก้าวหน้าในแต่ละสายงาน
7.ส่งเสริมให้บุคลากรได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง
8. พัฒนาระบบบริการสิทธิพิเศษสำหรับบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข
21.กระทรวงสาธารณสุข1. ผลสำเร็จการดำเนินงานตามนโยบาย
2. ระบบข้อมูลสนับสนุนการปฏิบัติงานที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน
3. ประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรสาธารณสุข
4. ระบบบริการสุขภาพมีคุณภาพมาตรฐานเป็นเลิศอย่างยั่งยืน
5. ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน
6. ปฏิรูประบบเขตสุขภาพ
1.บริหารจัดการแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์
2.พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีสุขภาพ
3.บริหารจัดการทรัพยากรด้านสุขภาพ
4.พัฒนาระบบบริการสุขภาพ
5.พัฒนาเขตสุขภาพตามแนวทาง Big Rock กสธ.
22.สสส.1. ได้รับความร่วมมือและอำนวยความสะดวก
2. ร่วมขับเคลื่อนกระบวนการดำเนินงาน
3. ได้รับข้อมูลข่าวสาร/คำปรึกษา
4. การประสานงาน
5. สนับสนุนบุคลากรเพื่อขับเคลื่อนงานในพื้นที่
1.พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีสุขภาพ
2.จัดการระบบประสานงาน
3.บริหารจัดการทรัพยากรด้านสุขภาพ
23.สื่อมวลชน1. ได้รับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นปัจจุบัน
2. ได้รับการดูแล สนับสนุนงาน
3. การสนับสนุนสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ
4. ค่าตอบแทน
1.พัฒนาโครงสร้างด้านการประชาสัมพันธ์ ของกระทรวงสาธารณสุข ในระดับจังหวัดและระดับเขต
2. พัฒนาความร่วมมือในด้านการข่าวและการประชาสัมพันธ์กับสื่อมวลชน
3.จัดการระบบการประสานงาน
24.ชุมชน1. การส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพชุมชน
2. การมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนระบบสุขภาพ
1.ส่งเสริมการบริหารจัดการเครือข่ายแบบบูรณาการและการมีส่วนร่วม (Collaboration)
2.พัฒนาและสร้างศักยภาพคนไทยทุกกลุ่มวัย
3.พัฒนาระบบการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินและภัยสุขภาพ
4. พัฒนาผ่านกลไกธรรมนูญสุขภาพ
25.ศูนย์วิชาการ1. การเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารและการใช้ประโยชน์ร่วมกัน
2. ความร่วมมือในการพัฒนางาน
3. สนับสนุนงานวิจัย/วิชาการ/เทคโนโลยี และนวัตกรรม
4. มีเครือข่ายทางการแพทย์และสาธารณสุข
5. การบูรณาการการทำงานในพื้นที่
1.บูรณาการการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
2.การจัดระบบการสื่อสารเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ทุกช่องทาง
3.การจัดระบบการควบคุม กำกับ ติดตาม อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
4.การส่งเสริม สนับสนุนการศึกษาวิจัย R2R และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้อง
26.วัด/ศาสนสถาน/พระสงฆ์/นักบวช1. ได้รับข้อมูลข่าวสาร/คำปรึกษา
2. ได้รับบริการสุขภาพตามมาตรฐาน
3. ได้รับความร่วมมือในการปฏิบัติงาน
4. ได้รับการพัฒนาศักยภาพบุคลากร
5. มีคลินิกเฉพาะ
1.บูรณาการการดำเนินงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
2.การจัดระบบการสื่อสารเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทุกช่องทาง
3.การจัดการระบบฐานข้อมูล วัด/ศาสนสถาน/พระสงฆ์/นักบวช เพื่อใช้ประโยชน์ร่วมกัน
4,การพัฒนาศักยภาพพระภิกษุ (พระคิลานุปัฏฐาก) ผ่านระบบ Onsite และ Online
5.การจัดระบบบริการใน วัด/ศาสนสถาน ให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน
6.การจัดระบบติดตาม เสริมพลังบวก การจัดบริการตามมาตรฐานใน วัด/ศาสนสถาน ให้ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
27.ชายแดน/เพื่อนบ้าน/ประเทศเพื่อนบ้าน1. ได้รับข้อมูลข่าวสาร
2. ความร่วมมือด้านการแพทย์และสาธารณสุข
3. ระบบการรับส่งต่อที่มีคุณภาพ
4. กองทุนค่ารักษาพยาบาลต่างชาติ ลดภาระต้นทุนหน่วยบริการ
1.พัฒนาระบบสุขภาพชายแดน
2.พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีสุขภาพ
3.พัฒนาระบบคุณภาพบริการ
4.พัฒนาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการแพทย์
28.กขป./เครือข่ายสมัชชา/สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน1. ความร่วมมือ และอำนวยความสะดวก
2. ได้รับข้อมูลข่าวสาร/คำปรึกษา
3. การประสานงาน
1.พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีสุขภาพ
2.จัดการระบบประสานงาน
3.บริหารจัดการทรัพยากรด้านสุขภาพ
29.ประกันสังคม1.ได้รับข้อมูลข่าวสาร
2.ได้รับบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน ต้นทุนต่ำ
3.การเพิ่มสิทธิการตรวจสุขภาพให้กับผู้ประกันตน
1.พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีสุขภาพ
2.พัฒนาระบบคุณภาพบริการ
30.บริษัทประกันชีวิต1. ได้รับข้อมูลข่าวสาร
2. ได้รับการอำนวยความสะดวกในการดูแลลูกค้า
1.พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเทคโนโลยีสุขภาพ
2.พัฒนา Smart Hospital

การวิเคราะห์ SWOT เขตสุขภาพที่ 10

StrengthsWeaknesses
S1 มียุทธศาสตร์ แผนงาน/โครงการ ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของกระทรวงสาธารณสุข
S2 โครงสร้างองค์กรและการมอบหมายผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน
S3 มีเครือข่ายบริการสุขภาพ ครอบคลุมทั้งระดับจังหวัด  อำเภอ และตำบล ทั้งภาครัฐ (ใน-นอก)
S 4.ผู้บริหารทุกระดับมีวิสัยทัศน์ มุ่งมั่น ตั้งใจในการนำองค์กร
S 5. บุคลากรส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ เข้าใจปัญหาสาธารณสุขของพื้นที่เป็นอย่างดี
S6 การกำหนดตัวชี้วัดในการปฏิบัติงานและมีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง
S7 มีกลไกการประสานงานกับภาคีเครือข่าย/ภาคประชาชน/
S8 มีการพัฒนาคุณภาพมาตรฐานหน่วยบริหาร/บริการ ตามมาตรฐานที่กำหนด
S9 มีบริการตาม Service Plan ครอบคลุมทุกสาขา จัดบริการที่เป็น Excellence Centre
S10 บุคลากรสาธารณสุขมีความรับผิดชอบ มุ่งมั่นในการพัฒนาระบบบริการตามมาตรฐาน
S11 ผู้บริหารทุกระดับมีการบริหารจัดการด้วยความโปร่งใส ชัดเจน มีคุณธรรมจริยธรรม
S12 มีการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรทางการแพทย์ ที่มีค่าใช้จ่ายสูงร่วมกัน
S13 มีกลไกการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทุกระดับ ส่งผลให้มีบุคลากรที่มีศักยภาพ มีความรู้ KM / R2R 
S14 มีระบบสารสนเทศและระบบฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ 
S15มีบุคลากรมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
S16 มีแหล่งผลิตสมุนไพร ที่ครบวงจรตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ โรงงานผลิตสมุนไพรได้รับมาตรฐาน GMP
S17มีแหล่งงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานในทุกด้าน
W1.บุคลากรบางส่วน ขาดความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และขาดขวัญกำลังใจ   
W2.บุคลากรทางการแพทย์บางพื้นที่ไม่เพียงพอ เช่น ขาดแพทย์สาขาจิตแพทย์
W3.การกระจายบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขบางพื้นที่ ไม่เหมาะสมกับภาระงาน
W4.โรงพยาบาลขนาดใหญ่ มีผู้มารับบริการเป็นจำนวนมาก
W 5.บุคลากรบางส่วนขาดทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูลสารสนเทศและการทำผลงานทางวิชาการ
W 6. ขาดโรงพยาบาลเฉพาะทาง เช่น รพ.ด้านจิตเวช/ด้านยาเสพติด
W 7.เทคโนโลยีทางการแพทย์มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว สถานบริการสุขภาพบางพื้นที่ ยังขาดครุภัณฑ์และเทคโนโยลีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและจำเป็น
W 8. ระบบข้อมูลซ้ำซ้อน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่เชื่อมโยง ไม่บูรณาการระหว่างหน่วยงาน
W 9.งบประมาณมีจำกัด ไม่มีการ บูรณาการงบประมาณ ระบบการกำกับ ติดตามการเบิกจ่ายงบประมาณไม่มีประสิทธิภาพ
W 10.หน่วยงานในเขตสุขภาพที่ 10 ขาดการบูรณาการงานและงบประมาณ จัดกิจกรรมซ้ำซ้อน
W 11.การนำนโยบายสู่การปฎิบัติไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์
W 12.ไม่มีการดำเนินการจัดทำระบบความปลอดภัยของระบบสารสนเทศตามมาตรฐาน

การวิเคราะห์ SWOT เขตสุขภาพที่ 10

OpportunitiesThreats
O1. มีภาคี เครือข่ายสังคมที่เข้มแข็ง เป็นสังคมเอื้ออาทร และมีส่วนร่วมในการดูแลจัดการระบบสุขภาพประชาชน
O2. มีอัตลักษณ์ทางศิลปะ ประเพณีวัฒนธรรม และความเชื่อที่เอื้อต่อการสร้างเสริมสุขภาพ
O3. มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ
O4. มีการสื่อสารที่ทันสมัย ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้หลากหลายช่องทาง สะดวก รวดเร็ว เอื้อต่อการเข้าถึงบริการและสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ
O5. การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการคมนาคม สายหลัก สายรอง ถนนในชุมชน และสนามบินนานาชาติ ทำให้การเข้าถึงระบบสุขภาพสะดวกรวดเร็ว 
O6. มีระบบเทคโนโลยีด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่ทันสมัย เข้าถึงได้ รวดเร็ว  มีประสิทธิภาพและครอบคลุม
O7. มีกฎหมาย ระเบียบ มาตรฐานการดำเนินงานและการควบคุมการปฏิบัติด้านการสาธารณสุข 
O8. แหล่งน้ำและดิน เหมาะสมกับการเกษตรและประมง
O9. การใช้ศักยภาพและความเชี่ยวชาญ หน่วยงานการศึกษาภายนอก /มหาวิทยาลัย เพื่อพัฒนาความเป็นเลิศด้านสาธารณสุขและการบริการสุขภาพ 
O10.การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดมุกดาหารและนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดอุบลราชธานี 
O11. มีพืชเศรษฐกิจที่เป็นอัตลักษณ์สำคัญของพื้นที่ เอื้อต่อการสร้างรายได้และสร้างเสริมสุขภาพประชาชน
O12. มีกฎหมายที่เอื้อและรองรับการดำเนินงานด้านบริการสุขภาพให้สอดคล้องกับบริบทพื้นที่
O13. มีพื้นที่ติดชายแดนหลายจังหวัด (มุกดาหาร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ) มีการค้าขายลงทุนกับต่างประเทศทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น
O14.นโยบายลดการใช้ถุงพลาสติก ลดโลกร้อน การใช้พลังงานทางเลือก (โซลาร์เซลล์) ลดการจัดซื้อถุงใส่ยากลับในโรงพยาบาล 
O15. การพัฒนาความเชี่ยวชาญ ด้านการแพทย์เพื่อการรองรับการเป็นศูนย์กลางการแพทย์และสุขภาพในระดับโลก Medical Hub 
O16. รัฐบาลมีนโยบายหลักในการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสความเสมอภาคและเท่าเทียมกันทางสังคม เอื้อต่อการจัดบริการ
O17. การเข้าสู่ประชาคมอาเชี่ยน (AEC) เอื้อต่อการสร้างรายได้จากบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขแก่ประชากรต่างด้าวและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
O18. รัฐบาลมีนโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นที่เอื้อต่อการจัดบริการสุขภาพระดับพื้นที่
O19. พรบ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจ พรบ.ปฐมภูมิ ฯลฯ 
O20. การปฏิรูปเขตสุขภาพ ตาม Big Rock 5 ด้าน 
T1 โครงสร้างประชากรมีสัดส่วนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 
T2 ปริมาณขยะมูลฝอยเพิ่มขึ้น
T3 รายได้ต่อหัวประชากรอยู่ในเกณฑ์ต่ำ และปัญหาเศรษฐกิจ สังคมในปัจจุบัน
T4 พรบ.ปฐมภูมิ กำหนดให้มีแพทย์ด้านเวชศาสตร์ครอบครัว ดูแลประชาชน 1:10,000 คน
T5 มีการเปลี่ยนแปลงเป็นสังคมเมืองมากขึ้น
T6 ปัญหามลพิษทางอากาศ / ฝุ่นและการเผาข้ามเขตแดนมีฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน
T7 การบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่จริงจังและเป็นรูปธรรมเท่าที่ควร
T8 การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมและภูมิอากาศ
T9 นโยบายและแนวทางการจัดสรรงบประมาณ ไม่ครอบคลุมและไม่เพียงพอ ไม่ทันเวลา ไม่แน่นอน ไม่เพียงพอ
T10 มีการประกอบอาชีพที่เสี่ยงต่อภาวะสุขภาพ เกิดปัญหามลพิษ มีการปนเปื้อนทางอาหารมากขึ้น
T11 เทคโนโลยีสื่อสารทันสมัย (Facebook, Line, IG, Twitter) ได้รับความนิยมมาก ประชาชนรับรู้ข่าวสารอย่างรวดเร็ว ควบคุมยาก กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคล 
T12 การปฏิบัติตาม พรบ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจฯ แนวทางและวิธีปฏิบัติตามคู่มือฯ ยังไม่ชัดเจน พรบ. 
T13 การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับประเทศ/ท้องถิ่น (การเมือง /สส./อปท.)
T14 ปัญหาค่าระดับสติปัญญา (IQ เด็ก) ในเขตสุขภาพ ยังต่ำกว่า 100
T15 ชายแดนติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน (สปป.ลาว/กัมพูชา ยกเว้นจังหวัดยโสธร)
T16 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการคมนาคม สายหลัก สายรอง ถนนในชุมชน
T17 มีการเคลื่อนย้ายแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน มาประกอบอาชีพในเขต
T18 การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดมุกดาหารและนิคมอุตสาหกรรม จังหวัดอุบลราชธานี
T19 ประชาชนมีความรอบรู้ ความตระหนักและพฤติกรรมสุขภาพไม่เพียงพอต่อการดูแลสุขภาพตนเองและคนใกล้ชิด
T20 มีแฮกเกอร์ระบบฐานข้อมูลภาครัฐเพิ่มมากขึ้น

กระบวนการพัฒนางานโดยใช้เครื่องมือ SI3M

การพัฒนาโครงสร้างกลไกการทำงาน (Structure : S) โครงสร้าง บุลคลากร สถานที่ตัวอย่างคำอธิบาย/ผลลัพธ์
1.1 คำสั่งคณะกรรมการ ที่เกี่ยวข้องด้านการดำเนินงานตามนโยบาย– คำสั่งคณะกรรมการ จังหวัด / PM
1.2 กลไกการขับเคลื่อนการดำเนินงานการพัฒนาระบบบริหารจัดการ– สรุปการประชุม  ข้อสั่งการ เอกสาร อันมีเนื้อที่เป็นแนวทางเพื่อขับเคลื่อน มาตรการด้าน นโยบาย ที่รับทราบในภาพรวม 
1.3 นโยบาย แผนงานโครงการ และการจัดสรรทรัพยากร  (คน เงิน ของ) เพื่อแก้ปัญหากระบวนการพัฒนางานตามนโยบายตัวชี้วัดตามประเด็นข้อตกลงการประเมินผลการปฏิบัติราชการมีแผนงานโครงการที่มีความเชื่อมโยง ทรัพยากร  (คน เงิน ของ) เพื่อแก้ปัญหากระบวนการพัฒนางานตามนโยบายตัวชี้วัดตามประเด็นข้อตกลงการประเมินผลการปฏิบัติราชการ
โดย มีแนวทาง ตามรูปแบบ กระทรวง เขตสุขภาพ
– Agenda Base
– Function Base
– Area Base
1.4 ผู้จัดการระบบ (System Manager: SM) / ผู้จัดการรายกรณี (Case Manager : CM)             และบุคลากร ที่เกี่ยวข้อง  (Performance Agreement : PA)  – การขับเคลื่อนโดยผ่าน  (Project Manger /System Manager: SM) /  ผู้จัดการรายกรณี (Case Manager : CM)   เช่นการจัดประชุมคณะกรรมการ   
การพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสาร (Information : I)
2.1 ศูนย์ข้อมูลกลางที่สนับสนุนการตัดสินใจของผู้บริหาร -มีระบบ สารสนเทศ ศูนย์ข้อมูลกลางที่สนับสนุนการตัดสินใจ ของผู้บริหาร ที่มีการปรับปรุงข้อมูล ที่ทันสมัย
2.2 การวิเคราะห์ข้อมูล สถานการณ์และการนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์การนำข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่กระทรวง / เขตสุขภาพ หรือแหล่งอันเป็น ข้อมูลที่ปัจจุบัน และน่าเชื่อถือ โดยผ่านกระบวนการวิเคราะห์             
การพัฒนากระบวนการดำเนินงาน (Intervention :I)
3.1 แนวทางการดำเนินการพัฒนาระบบบริหารจัดการ ถ่ายทอด และผลักดันอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง ในระดับพื้นที่มีแผนงานโครงการ แผนปฏิบัติราชการ
การถ่ายทอดการนโยบาย ระดับจังหวัด พื้นที่มีความเชื่อมโยง
หรือจัดทำข้อตกลง Memorandum of Understanding รวมกัน ขับเคลื่อนโดยผ่าน  (Project Manger /System Manager: SM) /  ผู้จัดการรายกรณี (Case Manager : CM)   
3.1 แนวทางการดำเนินการพัฒนาระบบบริหารจัดการ ถ่ายทอด และผลักดันอย่างเป็นระบบต่อเนื่อง ในระดับพื้นที่
3.2 แนวทางการดำเนินงานและแนวทางครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันควบคุมโรค รักษา ฟื้นฟู และ คุ้มครองผู้บริโภคที่นำไปใช้เป็นแนวทางเดียวกันระดับจังหวัด /อำเภอ อย่างน้อย 1 ประเด็น
การนำเนินตามกิจกรรมตามงานนโยบาย  ข้อตกลงการประเมินผลการปฏิบัติราชการ (Performance Agreement : PA) เขตสุขภาพที่ 10 ที่มีรูปแบบสอดคล้องแนวทางทิศทางเดียวกัน หรือรูปแบบการบริหารจัดการ โครงการฯ
– Agenda Base
– Function Base
– Area Base 
3.3 กระบวนการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการความรู้ ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันควบคุมโรค รักษา ฟื้นฟู และคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อพัฒนานวัตกรรม ต่อยอดและขยายผลอย่างเป็นระบบ อย่างน้อย 1 ประเด็น– กลไกประสานงานกับหน่วยงาน/ ประชุมกลุ่มย่อย
กระบวนการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการความรู้ที่นำไปสู่ งาน   Routine to Research
-บริการข้อมูลกับหน่วยงาน ภาคีเครือข่าย ภายใน ภายนอก / ช่องทางสื่อสาร ไลน์ Webex,        zoom เป็นต้น
– แผนงานโครงการที่มีความเชื่อมโยง  / ระบบกระบวนการ
การจัดทำข้อตกลง Memorandum of Understanding (ใน/นอกหน่วยงาน) กลไกที่จะมีแนวทางขับเคลื่อนร่วมกันในรูปแบบ แผนงานโครงการ กิจกรรม เป็นต้น
การบูรณาการ (Integration : I)
แผนงานโครงการ พัฒนาแบบบูรณาการ  
-การบูรณาการทรัพยากร (คน เงิน เทคโนโลยี) ภายในเขต (ใน/นอกหน่วยงาน) 
– รูปแบบกระบวนการทำงานที่เชื่อมโยง
– แผนงานโครงการที่มีความเชื่อมโยง  / ระบบกระบวนการ
การจัดทำข้อตกลง Memorandum of Understanding (ใน/นอกหน่วยงาน) กลไกที่จะมีแนวทางขับเคลื่อนร่วมกันในรูปแบบ แผนงานโครงการ กิจกรรม เป็นต้น
รูปแบบ กระบวนการ หรือเครื่องมืออัน วิธีการ การติดตามประเมินผลซึ่งได้มา ไม่ว่าจะเป็นเชิงกระบวนการ เชิงคุณภาพ / จะเป็นภาพรวม หรือรายประเด็นที่ มีความน่าสนใจ หรือใช้เป็นรูปแบบ
/ แบบอย่างอื่น ของ งานตามนโยบายตัวชี้วัดตามประเด็นข้อตกลงการประเมินผลการปฏิบัติราชการ
–        เครื่องมือเสริมพลังอำนาจให้กับคน. (empowering tools)
–        การติดตามกิจกรรม
–        การติดตามผลการดำเนินงาน
หรืออื่นๆ เป็นต้น
การติดตาม ประเมินผล (Monitoring and Evaluation : M)
ระบบและกลไกการนิเทศ กำกับ ติดตาม ประเมินผล และการรายงานผลงาน อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ
ผลงานตามเป้าหมายหลักเป็นรายไตรมาส หรือภาพรวม
ตัวชี้วัด / Small Success  ตามนโยบายตัวชี้วัดตามประเด็นข้อตกลงการประเมินผลการปฏิบัติราชการ (Performance Agreement : PA)
-ผลงาน ผลสัมฤทธิ์ ภาพรวม รายประเด็น
-สรุปผลการดำเนินเปรียบเทียบ
-วิเคราะห์ตัวชี้วัดที่ยังผ่านเกณฑ์
-ปัญหาอุปสรรค

CIPP Model           

แนวคิดเกี่ยวกับการประเมินรูปแบบซิป (CIPP Model) การประเมินรูปแบบซิปเป็นวิธีการประเมินที่มีผู้นิยมนำมาใช้ในการประเมินหลักสูตร รวมถึงใช้ในการประเมินโครงการต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย ซึ่ง สุภาพร พิศาลบุตร (2543, หน้า 227-228)  ได้แบ่งการปะเมินออกเป็น 4 ส่วนด้วยกัน คือ  

1. การประเมินสาระสำคัญแวดล้อม (Context evaluation) เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการตัดสินใจในเรื่องการกำหนดวัตถุประสงค์ของแผนงานหรือโครงการ เป็นการศึกษาและวิเคราะห์องค์ประกอบที่แวดล้อมระบบการผลิตหรือระบบการใช้บริการ หรือองค์กรการปฏิบัติงาน

2. การประเมินผลปัจจัยนำเข้า (Input evaluation) เพื่อช่วยการตัดสินใจในการเลือกใช้กลุ่มของทรัพยากรหรือปัจจัยที่มีข้อนำเข้าในรูปแบบต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ของแผนงาน หรือโครงการเป็นการประเมินผลเพื่อค้นหาแนวทางการจัดหา และจัดสรรทรัพยากรหรือปัจจัยนำเข้าซึ่งได้ แก่บุคลากร งบประมาณ วัสดุครุภัณฑ์และอาคารสถานที่ที่ประหยัดและตอบแทนสูงสุด

3. การประเมินผลกระบวนการ (Process evaluation) เพื่อช่วยการตัดสินใจในเรื่องการเลือกวิธีดำเนินการของแผนงานหรือโครงการหรือหากเป็นโครงการที่ดำเนินการอยู่แล้ว ก็เป็นข้อมูลพิจารณาตัดสินความก้าวหน้าของวิธีการดำเนินโครงการรวมทั้งการแก้ไขปัญหาขัดข้อง การประเมินผลประเภทนี้จะกระทำต่อจากการประเมินผลปัจจัยนำเข้า เพื่อค้นหาข้อมูลที่เป็นแนวทางนำไปสู่การพัฒนาหาวิธี ดำเนินการโครงการที่เหมาะสม นอกจากนี้ การประเมินผลประเภทนี้ จะช่วยค้นหาข้อบกพร่อง และแนวทางการแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องในระหว่างดำเนินการโครงการด้วย ถ้าเป็นแผนงานหรือโครงการที่ปฏิบัติจริง ก็จะเป็นการประเมินผลเพื่อตรวจสอบว่า แผนงานหรือโครงการนั้นได้ดำเนินการไปตามกระบวนการที่วางไว้ ซึ่งจะบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่กำหนดไว้หรือไม่ มีความคลาดเคลื่อนประการใด การประเมินผลกระบวนการนี้ จะนำผลไปสู่การประเมินผลขั้นผลผลิต

4. การประเมินผลผลิต (Product evaluation)  มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินค่าผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของแผนงานหรือโครงการที่กำหนดไว้เพื่อช่วยการตัดสินใจว่าในแต่ละขั้นตอน การดำเนินงานควรมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ขยาย หรือยุบแผนงานหรือโครงการอย่างไร การประเมินผลประเภทนี้ คือ การตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างผลสัมฤทธิ์ของโครงการกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างไร การประเมินผลประเภทนี้อาจอาศัยการเปรียบเทียบผลผลิตกับเกณฑ์ มาตรฐานที่กำหนดไว้ นอกจากนั้น อาจใช้วิธีประมวลสรุปจากข้อมูลการประเมินผลเนื้อความการประเมินผลปัจจัยนำเข้า และการประเมินผลกระบวนการ แล้วเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ก็ได้

สรุป การประเมินรูปแบบซิป (CIPP Model) มุ่งเน้นประเมินในด้านต่าง ๆ 4 ด้าน คือ

ประเภทการประเมินประเภทการตัดสินใจ
การประเมินสาระสำคัญแวดล้อม (Context evaluation)การตัดสินใจเพื่อการวางแผน
การประเมินผลปัจจัยนำเข้า (Input evaluation)การตัดสินใจเพื่อกำหนดโครงสร้าง
การประเมินผลกระบวนการ (Process evaluation)การตัดสินใจเพื่อนำโครงการไปปฏิบัติ
การประเมินผลผลิต (Product evaluation)การตัดสินใจเพื่อทบทวนโครงการ

“Six Building Blocks of A Health System” หรือ “6 เสาหลักของระบบสุขภาพ”

  1. Service Delivery – การให้บริการ ถือเป็นปัจจัยพื้นฐานที่นำไปสู่สุขภาวะของประชาชน โดยหลักการสำคัญของการให้บริการ คือ ต้องมุ่งเน้นที่ “คน” เป็นศูนย์กลาง ออกแบบและพัฒนาระบบบริการให้มีประสิทธิภาพ และเท่าเทียมกัน
  2. Health Workforce – กำลังคนด้านสุขภาพ บุคลากรทั้งหมดที่ปฏิบัติงานด้านสุขภาพ ทั้งสายวิชาชีพและสายสนับสนุน ที่ทำงานในภาครัฐและภาคเอกชน ทำงานเต็มเวลาหรือกึ่งเวลา ทำงานเดียวหรือควบหลายงาน รวมถึงการได้รับหรือไม่ได้รับค่าตอบแทนจากการทำงานก็ตาม
  3. Information System – ระบบสารสนเทศการมีระบบสุขภาพ ที่ถูกต้องและมีคุณภาพ เพื่อลดความผิดพลาดในระบบสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น และถูกนำไปใช้เป็นฐานในการตัดสินในองค์ประกอบอื่น ๆ ของระบบสุขภาพได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิผลอีกด้วย
  4. Medical Products, Vaccines & Technologies – ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ วัคซีน เทคโนโลยีด้านสุขภาพ ต้องมีกลไกในระบบสุขภาพที่เอื้อให้ประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ยา วัคซีน และเทคโนโลยีทางด้านสุขภาพที่จำเป็น มีความปลอดภัย มีคุณภาพ และคุ้มค่ากับราคา
  5. Financing – การบริหารจัดการงบประมาณ/การเงินการคลัง การคลังด้านสุขภาพเป็นรากฐานสำคัญ ด้วยกลไกการจ่าย เก็บสะสม หรือแบ่งปันที่ยังขาดไปในระบบ หรือแบ่งปันให้เกิดแรงจูงใจของบุคลากร มีความพร้อมให้บริการ ประชาชนเข้าถึงได้ทุกเวลาและสถานที่ สามารถบรรลุเป้าหมายให้มีสุขภาพดีได้อย่างต่อเนื่อง ยั่งยืน และที่สำคัญคือ ปราศจากภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่มากจนต้องล้มละลาย
  6. Leadership/Governance – ภาวะผู้นำ/การอภิบาลระบบ สร้างระบบสุขภาพที่คาดหวังไว้ให้สำเร็จ ต้องกำกับ ดูแล และควบคุม รับผิดชอบในการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและเป็นธรรม เนื่องจากมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากมายหลายกลุ่ม บูรณาการทุกภาคส่วนให้เกิดการเชื่อมผสานกันในระบบสุขภาพที่ทำให้ประชาชนมีสุขภาพดีขึ้น มีสมดุลและยั่งยืน